การเปลี่ยนแปลงการศึกษาในศตวรรษที่
21
โลกในศตวรรษที่ 21 เป็นโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง เป้าหมายของ การเรียนรู้มิใช่ตัวความรู้อีกต่อไป เพราะตัวความรู้นั้นมีมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะมอบให้นักเรียนได้ อีกทั้งนักเรียนในศตวรรษใหม่มีหนทางค้นหาความรู้ด้วยตนเองจากทุกหนแห่งทั้ง ในสิ่งแวดล้อมและในอินเทอร์เน็ต หากการศึกษาไทยยังย่ำอยู่กับกระบวนทัศน์เดิมคือมอบความรู้เป็นรายวิชาก็จะ ไม่ทันสถานการณ์โลก ที่ควรทำคือมีกระบวนทัศน์ใหม่ที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ ตลอดชีวิต เด็กและเยาวชนจะเรียนรู้อะไรบ้างขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละคน แต่ที่ทุกคนควรมีคือความสามารถในการเรียนรู้ตลอดเวลา ตลอดชีวิตและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ระบบการศึกษาใหม่ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคไฮเทคมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเต็มรูปแบบ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาเป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน ตัวอย่างเช่นรัฐบาลได้มีการนำ Tablet เข้ามาใช้ในการเรียน โดยมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรเพื่อที่จะให้สอดคล้องกับการใช้ Tablet อย่างเหมาะสม ซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้
จากหลักสูตรแกนกลางปีพ.ศ. 2551 เน้นสมรรถนะผู้เรียน 5 ด้านคือ เน้นให้ผู้เรียนมีความสามารถด้านการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและการใช้เทคโนโลยี ซึ่งมีความแตกต่างกันจากการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เพียงเล็กน้อยคือ การศึกษาในศตวรรษที่ 21 เน้นการให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้ชีวิต แก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี ตลอดจนการเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนมีการคิดวิเคราะห์ และมีความสามารถในการสื่อสารมากขึ้น จากการศึกษาข้อมูลคิดว่าสมรรถนะของผู้เรียนกับโมเดลการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มีความสัมพันธ์กัน อยู่ 3 คู่ ได้แก่
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี กับ ICT Literacy
- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กับ Life Skills
- ความสามารถในการคิด กับ Learning and Thinking Skills
และมีความแตกต่างกันอยู่ 2 คู่ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการแก้ปัญหา
กับ Core Subject 21st Century Content
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน มีความสอดคล้องอยู่ 3 ด้าน ซึ่งไปแตกในเรื่องของทักษะชีวิต ให้เป็นทักษะย่อย คือ การสื่อสาร และการแก้ปัญหา ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของทักษะชีวิต แต่แยกให้เห็นความสำคัญมากขึ้นสอดคล้องกับปัญหาของประเทศชาติ
ในศตวรรษที่ 21 นี้ ได้มีนักการศึกษาได้สรุปเกี่ยวกับการบูรณาการโดยใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนในส่วนที่สำคัญไว้ 3 ส่วนซึ่งได้แก่ การออกแบบ(Design) เครื่องมือ(Tool) และการจัดการ(Management)
1. การออกแบบ(Design)
การออกแบบ ซึ่งหมายถึง การออกแบบรูปแบบของการจัดการเรียนการสอนว่าจะเลือกใช้วิธีการสอนแบบใด เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 โดยผู้สอนจะต้องออกแบบการสอนคำนึงถึงหลายๆด้านซึ่งได้แก่
1.1 หลักสูตร ซึ่งแน่นอนว่า การเรียนแบบใหม่ย่อมต้องมีการปรับปรุงในแบบใหม่ ให้มีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด และการเรียนในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคของเทคโนโลยี จะต้องมีการปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมะสม และต้องอยู่บนพื้นฐานของความรู้ด้วยว่า หลักสูตรที่ได้ปรับใหม่นั้น จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด
1.2 แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ผู้สอนเองต้องคำนึงถึงผู้เรียนว่า จะออกแบบการเรียนอย่างไร จึงจะทำให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียน ชี้แนะให้ผู้เรียนมีเป้าหมายในอนาคต ซึ่งการฝึกให้ผู้เรียนมีกระบวนการคิดจะทำให้ผู้เรียนทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีระบบ และเกิดเป้าหมายในตัวผู้เรียนเอง ถ้าผู้เรียนสร้างเป้าหมายและประสบความสำเร็จ ก็จะเกิดการพัฒนาคุณภาพในตัวของผู้เรียนเองและเป็นผลดีในอนาคตด้วย
1.3 Back word Design ในศตวรรษที่ 21 การตั้งวัตถุประสงค์ของการเรียน จะเป็นในรูปแบบของการย้อนกลับ กล่าวคือ ผู้สอนต้องศึกษาดูผลของการเรียนก่อน หรือดูความต้องการของผู้เรียนว่าต้องการเรียนอะไร เรียนลักษณะไหน การเขียนวัตถุประสงค์การเรียนแบบย้อนกลับ จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้มากขึ้น เพราะเรียนในสิ่งที่ผู้เรียนต้องการนั่นเอง
1.4 การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Instruction) รูปแบบการเรียนแบบนี้ จะทำให้ผู้เรียนมีกระบวนการคิดเป็นขั้นตอน มีการสืบสอบหาความจริง (process of inquiry) ซึ่งเป็นการใช้กระบวนการคิดขั้นสูง และในการเรียนแบบนี้ ผู้เรียนจะได้การฝึกการทำงานเป็นทีมซึ่งเป็นการพัฒนาไปสู่การเข้าร่วมสังคมอีกด้วย
1.5 การประเมินตามสภาพจริง ผู้สอนต้องสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนในขณะเรียน หรือในระหว่างที่ผู้เรียนดำเนินกิจกรรมต่างๆในชั้นเรียน ว่าผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนแค่ไหน เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงและออกแบบการเรียนการสอนให้น่าสนใจขึ้น
1.6 การออกแบบสื่อเทคโนโลยี ในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีมาเข้ามาใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนอย่างแพร่หลาย ในการออกแบบสื่อเทคโนโลยีควรออกแบบให้มีความน่าสนใจ มีสีสันที่โดดเด่น มีภาพเสียง ภาพเคลื่อนไหว วีดิโอ สิ่งเหล่านี้จะดึงดูดความสนใจของผู้เรียน ไม่ทำให้ผู้เรียนเบื่อและสนใจในบทเรียนได้เป็นอย่างดี
1.7 การประเมินในศตวรรษที่ 21 การประเมินผล ที่แท้จริงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21การประเมินนี้ต้องวัดผลลัพธ์สำคัญห้าประการ ได้แก่ วิชาแกน เนื้อหาสำหรับศตวรรษที่ 21 ทักษะการเรียนรู้และการคิด ความรู้ พื้นฐานไอซีที และทักษะชีวิต การประเมินทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ควรทำควบคู่ไปกับการประเมินวิชาแกนเพราะการประเมินที่แยกขาดกันจะบั่นทอน เป้าหมายในการหลอมรวมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เข้ากับวิชาแกน เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยการประเมินให้มีประสิทธิผล มีความยั่งยืน และเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง แบบทดสอบมาตรฐานเพียงอย่างเดียวใช้วัดทักษะและความรู้ที่เรียนได้ไม่กี่ อย่าง การประเมินต้องผสมผสานให้สมดุลระหว่างแบบทดสอบมาตรฐานที่มีคุณภาพ กับการประเมินในชั้นเรียนอย่างมีประสิทธิผลจึงจะเกิดเป็นเครื่องมืออันทรง พลังสำหรับครูและนักเรียนในการเรียนรู้เนื้อหาและทักษะที่จำเป็นต่อความ สำเร็จ
2. เครื่องมือ(Tool)
เครื่องมือ หมายถึง สื่อ อุปกรณ์และสภาพต่างๆในห้องเรียน เพื่อให้เหมาะสมกับศตวรรษที่ 21 สื่อที่ใช้ต้องมีความทันสมัย สภาพแวดล้อมในชั้นเรียนก็เช่นเดียวกัน ต้องมีอุปกรณ์ให้สอดคล้อง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์ จอภาพ หรือ Tablet เป็นต้น
การจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียนต้องคำนึงถึงหลัก 3 ข้อคือ
1) ทางกายภาพ ซึ่งได้แก่ การดจัดวางโต๊ะ เก้าอี้
2) ทางจิตใจ คือ การทำอย่างไรให้ผู้เรียนเกิดความสบายใจ และรู้สึกตื่นตัวในการเรียนเสมอ
3) ทางสังคม คือ การจัดให้ผู้เรียนได้มีการพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันเป็นต้น
ส่วนสื่อเทคโนโลยีที่ใช้ ควรมีความทันสมัย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ได้แก่ CAI , E-Learning เป็นต้น และสื่อการเรียนแบบใหม่ที่รัฐกำลังจัดสรรให้เด็กนักเรียนได้ใช้กันและกำลังเป็นที่กล่าวถึงกันอย่างมากในตอนนี้ก็คือ Tablet ไม่นานเด็กนักเรียนไทยคงได้ใช้กัน
โลกในศตวรรษที่ 21 เป็นโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง เป้าหมายของ การเรียนรู้มิใช่ตัวความรู้อีกต่อไป เพราะตัวความรู้นั้นมีมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะมอบให้นักเรียนได้ อีกทั้งนักเรียนในศตวรรษใหม่มีหนทางค้นหาความรู้ด้วยตนเองจากทุกหนแห่งทั้ง ในสิ่งแวดล้อมและในอินเทอร์เน็ต หากการศึกษาไทยยังย่ำอยู่กับกระบวนทัศน์เดิมคือมอบความรู้เป็นรายวิชาก็จะ ไม่ทันสถานการณ์โลก ที่ควรทำคือมีกระบวนทัศน์ใหม่ที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ ตลอดชีวิต เด็กและเยาวชนจะเรียนรู้อะไรบ้างขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละคน แต่ที่ทุกคนควรมีคือความสามารถในการเรียนรู้ตลอดเวลา ตลอดชีวิตและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ระบบการศึกษาใหม่ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคไฮเทคมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเต็มรูปแบบ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาเป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน ตัวอย่างเช่นรัฐบาลได้มีการนำ Tablet เข้ามาใช้ในการเรียน โดยมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรเพื่อที่จะให้สอดคล้องกับการใช้ Tablet อย่างเหมาะสม ซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้
จากหลักสูตรแกนกลางปีพ.ศ. 2551 เน้นสมรรถนะผู้เรียน 5 ด้านคือ เน้นให้ผู้เรียนมีความสามารถด้านการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและการใช้เทคโนโลยี ซึ่งมีความแตกต่างกันจากการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เพียงเล็กน้อยคือ การศึกษาในศตวรรษที่ 21 เน้นการให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้ชีวิต แก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี ตลอดจนการเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนมีการคิดวิเคราะห์ และมีความสามารถในการสื่อสารมากขึ้น จากการศึกษาข้อมูลคิดว่าสมรรถนะของผู้เรียนกับโมเดลการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มีความสัมพันธ์กัน อยู่ 3 คู่ ได้แก่
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี กับ ICT Literacy
- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต กับ Life Skills
- ความสามารถในการคิด กับ Learning and Thinking Skills
และมีความแตกต่างกันอยู่ 2 คู่ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการแก้ปัญหา
กับ Core Subject 21st Century Content
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน มีความสอดคล้องอยู่ 3 ด้าน ซึ่งไปแตกในเรื่องของทักษะชีวิต ให้เป็นทักษะย่อย คือ การสื่อสาร และการแก้ปัญหา ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของทักษะชีวิต แต่แยกให้เห็นความสำคัญมากขึ้นสอดคล้องกับปัญหาของประเทศชาติ
ในศตวรรษที่ 21 นี้ ได้มีนักการศึกษาได้สรุปเกี่ยวกับการบูรณาการโดยใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนในส่วนที่สำคัญไว้ 3 ส่วนซึ่งได้แก่ การออกแบบ(Design) เครื่องมือ(Tool) และการจัดการ(Management)
1. การออกแบบ(Design)
การออกแบบ ซึ่งหมายถึง การออกแบบรูปแบบของการจัดการเรียนการสอนว่าจะเลือกใช้วิธีการสอนแบบใด เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 โดยผู้สอนจะต้องออกแบบการสอนคำนึงถึงหลายๆด้านซึ่งได้แก่
1.1 หลักสูตร ซึ่งแน่นอนว่า การเรียนแบบใหม่ย่อมต้องมีการปรับปรุงในแบบใหม่ ให้มีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด และการเรียนในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคของเทคโนโลยี จะต้องมีการปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมะสม และต้องอยู่บนพื้นฐานของความรู้ด้วยว่า หลักสูตรที่ได้ปรับใหม่นั้น จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด
1.2 แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ผู้สอนเองต้องคำนึงถึงผู้เรียนว่า จะออกแบบการเรียนอย่างไร จึงจะทำให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียน ชี้แนะให้ผู้เรียนมีเป้าหมายในอนาคต ซึ่งการฝึกให้ผู้เรียนมีกระบวนการคิดจะทำให้ผู้เรียนทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีระบบ และเกิดเป้าหมายในตัวผู้เรียนเอง ถ้าผู้เรียนสร้างเป้าหมายและประสบความสำเร็จ ก็จะเกิดการพัฒนาคุณภาพในตัวของผู้เรียนเองและเป็นผลดีในอนาคตด้วย
1.3 Back word Design ในศตวรรษที่ 21 การตั้งวัตถุประสงค์ของการเรียน จะเป็นในรูปแบบของการย้อนกลับ กล่าวคือ ผู้สอนต้องศึกษาดูผลของการเรียนก่อน หรือดูความต้องการของผู้เรียนว่าต้องการเรียนอะไร เรียนลักษณะไหน การเขียนวัตถุประสงค์การเรียนแบบย้อนกลับ จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้มากขึ้น เพราะเรียนในสิ่งที่ผู้เรียนต้องการนั่นเอง
1.4 การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Instruction) รูปแบบการเรียนแบบนี้ จะทำให้ผู้เรียนมีกระบวนการคิดเป็นขั้นตอน มีการสืบสอบหาความจริง (process of inquiry) ซึ่งเป็นการใช้กระบวนการคิดขั้นสูง และในการเรียนแบบนี้ ผู้เรียนจะได้การฝึกการทำงานเป็นทีมซึ่งเป็นการพัฒนาไปสู่การเข้าร่วมสังคมอีกด้วย
1.5 การประเมินตามสภาพจริง ผู้สอนต้องสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนในขณะเรียน หรือในระหว่างที่ผู้เรียนดำเนินกิจกรรมต่างๆในชั้นเรียน ว่าผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนแค่ไหน เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงและออกแบบการเรียนการสอนให้น่าสนใจขึ้น
1.6 การออกแบบสื่อเทคโนโลยี ในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีมาเข้ามาใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนอย่างแพร่หลาย ในการออกแบบสื่อเทคโนโลยีควรออกแบบให้มีความน่าสนใจ มีสีสันที่โดดเด่น มีภาพเสียง ภาพเคลื่อนไหว วีดิโอ สิ่งเหล่านี้จะดึงดูดความสนใจของผู้เรียน ไม่ทำให้ผู้เรียนเบื่อและสนใจในบทเรียนได้เป็นอย่างดี
1.7 การประเมินในศตวรรษที่ 21 การประเมินผล ที่แท้จริงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21การประเมินนี้ต้องวัดผลลัพธ์สำคัญห้าประการ ได้แก่ วิชาแกน เนื้อหาสำหรับศตวรรษที่ 21 ทักษะการเรียนรู้และการคิด ความรู้ พื้นฐานไอซีที และทักษะชีวิต การประเมินทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ควรทำควบคู่ไปกับการประเมินวิชาแกนเพราะการประเมินที่แยกขาดกันจะบั่นทอน เป้าหมายในการหลอมรวมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เข้ากับวิชาแกน เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยการประเมินให้มีประสิทธิผล มีความยั่งยืน และเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง แบบทดสอบมาตรฐานเพียงอย่างเดียวใช้วัดทักษะและความรู้ที่เรียนได้ไม่กี่ อย่าง การประเมินต้องผสมผสานให้สมดุลระหว่างแบบทดสอบมาตรฐานที่มีคุณภาพ กับการประเมินในชั้นเรียนอย่างมีประสิทธิผลจึงจะเกิดเป็นเครื่องมืออันทรง พลังสำหรับครูและนักเรียนในการเรียนรู้เนื้อหาและทักษะที่จำเป็นต่อความ สำเร็จ
2. เครื่องมือ(Tool)
เครื่องมือ หมายถึง สื่อ อุปกรณ์และสภาพต่างๆในห้องเรียน เพื่อให้เหมาะสมกับศตวรรษที่ 21 สื่อที่ใช้ต้องมีความทันสมัย สภาพแวดล้อมในชั้นเรียนก็เช่นเดียวกัน ต้องมีอุปกรณ์ให้สอดคล้อง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์ จอภาพ หรือ Tablet เป็นต้น
การจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียนต้องคำนึงถึงหลัก 3 ข้อคือ
1) ทางกายภาพ ซึ่งได้แก่ การดจัดวางโต๊ะ เก้าอี้
2) ทางจิตใจ คือ การทำอย่างไรให้ผู้เรียนเกิดความสบายใจ และรู้สึกตื่นตัวในการเรียนเสมอ
3) ทางสังคม คือ การจัดให้ผู้เรียนได้มีการพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันเป็นต้น
ส่วนสื่อเทคโนโลยีที่ใช้ ควรมีความทันสมัย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ได้แก่ CAI , E-Learning เป็นต้น และสื่อการเรียนแบบใหม่ที่รัฐกำลังจัดสรรให้เด็กนักเรียนได้ใช้กันและกำลังเป็นที่กล่าวถึงกันอย่างมากในตอนนี้ก็คือ Tablet ไม่นานเด็กนักเรียนไทยคงได้ใช้กัน
ตัวอย่าง
การนำเทคโนโลยีมาใช้การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21
ในศตวรรษที่ 21 ผู้เรียน ผู้สอน ใช้เทคโนโลยีเพื่อ การสืบค้น
การนำเสนอ และสื่อสาร กันเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
อย่างไร้พรมแดน นักเรียนสามารถเรียนรู้ร่วมกับเพื่อนๆ และครูต่างโรงเรียน
ต่างประเทศ ได้ทั่วโลกวันนี้กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก
สร้างเว็บไซต์เพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน ครูและนักเรียนสามารถศึกษาเงื่อนไขแล้วใช้งานได้แล้ววันนี้
โดยอินเทล สร้างเว็บไซต์ชื่อ ครูสอนดี
http://krusorndee.net/
โรงเรียนบางละมุงนำเทคโนโลยี Web 2.0 เข้ามาใช้ในการจัดการเรียนรู้ นักเรียนและครูใช้เว็บไซต์เป็นห้องเรียนออนไลน์ Web 2.0 ดีกว่า Web 1.0 มากเพราะ Web 1.0 เป็นการนำเสนอที่คนส่วนน้อยนำเสนอและคนส่วนใหญ่เป็นผู้รับสารอย่างเดียว Web 2.0เป็น เว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารกันได้สองทาง โดยมีเจ้าของเว็บไซต์เป็นผู้กำหนดสิทธิ์ในการใช้งาน มีเครื่องมือที่สนับสนุนกิจกรรมการเรียนมากมายทั้งค้นคว้า สื่อสาร นำเสนอ สนับสนุนสมรรถนะผู้เรียนตามหลักสูตร 2551 และทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
โรงเรียนวางแผนในการใช้เทคโนโลยีเป็น 5 ขั้นตอน คือ
1.ขั้นเตรียมการ (Introduction) เป็น ขั้นเตรียมนักเรียนให้พร้อมและให้ข้อมูลพื้นฐานเพื่อเข้าสู่กิจกรรมการเรียน การสอน การดำเนินการในขั้นตอนนี้จะทำให้นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ใน ขั้นต่อๆไปตามที่ออกแบบไว้ ปรับพื้น ฐานนักเรียนให้สามารถใช้เครื่องมือเว็บ 2.0 ได้ ใช้อย่างมีคุณธรรมจริยธรรม รู้เท่าทันภัยที่มากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และไม่สร้างปัญหาให้กับเพื่อน ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ครูไอซีทีแนะนำการใช้เทคโนโลยีให้เพื่อนครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ
2.ขั้นจัดเตรียมข้อมูล (Provide Resources) เป็น การให้แหล่งข้อมูลที่จำเป็นสำหรับทำภารกิจให้สำเร็จทั้งแหล่งข้อมูลบนเครือ ข่ายอินเทอร์เน็ตและที่ครูจัดเตรียมประกอบไว้เพิ่มเติม และแหล่งข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาแก้ปัญหาและหาคำตอบได้ ครูผู้สอนสร้างเครือข่ายการเรียนรู้บนเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมกับหน่วยการเรียนรู้
3.ขั้นกระบวนการ (Process) เป็น ขั้นการวางแผน กระบวนการและกิจกรรมเพื่อให้บรรลุภารกิจที่วางไว้ มีกิจกรรมที่นำไปสู่ความคิดขั้นวิเคราะห์ ขั้นสังเคราะห์ และขั้นประเมินผล เป็นกิจกรรมที่จะเน้นการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) ครูออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง ใช้คำถามกำหนดกรอบการเรียนรู้ (Intel Teach) มาใช้ในกิจกรรมการเรียนรู้ ครูและนักเรียนใช้เครื่องมือบนเว็บ 2.0 ในการทำกิจกรรมร่วมกัน
4.ขั้นสรุป (Conclusion) เป็น ขั้นให้นักเรียนทำการสรุปความคิดรวบยอดที่นักเรียนหรือกลุ่มของนักเรียนได้ ร่วมกันแสวงหาความรู้ หาคำตอบ และสร้างองค์ความรู้ขึ้นมา ใช้เครื่องอภิปรายบนเว็บ 2.0 ทำกิจกรรมร่วมกัน
5.ขั้นประเมินผล (Evaluation) ในขั้นนี้ครูและนักเรียนร่วมกันกำหนดเกณฑ์การประเมิน (Evaluation Rubrics) เป็นขั้นการประเมินว่านักเรียนสามารถหาคำตอบและบรรลุวัตถุประสงค์ ที่ตั้งไว้เพียงใด จะเน้นการวัดผลอย่างแท้จริง (Authentic Assessment) ในรูปของการประเมินเชิงมิติ (Rubrics) ที่ มีการวางเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ชัดเจน บางโครงงานครูผู้สอนคอมพิวเตอร์ประเมินการใช้เครื่องมือ ครูภาษาไทยประเมินการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ครูประจำวิชาประเมินเนื้อหาของโครงงาน
การใช้เทคโนโลยี Web 2.0 เป็น ส่วนหนึ่งของการปรับทักษะพื้นฐานด้านเทคโนโลยีนักเรียนเข้าใหม่ ม.1 และ ม.4 ไม่ได้ใช้เป็นหลักสูตรในการเรียนการสอน เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือช่วยครูสอน แต่ไม่ได้เป็น ครูแทนคน
โรงเรียนบางละมุงนำเทคโนโลยี Web 2.0 เข้ามาใช้ในการจัดการเรียนรู้ นักเรียนและครูใช้เว็บไซต์เป็นห้องเรียนออนไลน์ Web 2.0 ดีกว่า Web 1.0 มากเพราะ Web 1.0 เป็นการนำเสนอที่คนส่วนน้อยนำเสนอและคนส่วนใหญ่เป็นผู้รับสารอย่างเดียว Web 2.0เป็น เว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารกันได้สองทาง โดยมีเจ้าของเว็บไซต์เป็นผู้กำหนดสิทธิ์ในการใช้งาน มีเครื่องมือที่สนับสนุนกิจกรรมการเรียนมากมายทั้งค้นคว้า สื่อสาร นำเสนอ สนับสนุนสมรรถนะผู้เรียนตามหลักสูตร 2551 และทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
โรงเรียนวางแผนในการใช้เทคโนโลยีเป็น 5 ขั้นตอน คือ
1.ขั้นเตรียมการ (Introduction) เป็น ขั้นเตรียมนักเรียนให้พร้อมและให้ข้อมูลพื้นฐานเพื่อเข้าสู่กิจกรรมการเรียน การสอน การดำเนินการในขั้นตอนนี้จะทำให้นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ใน ขั้นต่อๆไปตามที่ออกแบบไว้ ปรับพื้น ฐานนักเรียนให้สามารถใช้เครื่องมือเว็บ 2.0 ได้ ใช้อย่างมีคุณธรรมจริยธรรม รู้เท่าทันภัยที่มากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และไม่สร้างปัญหาให้กับเพื่อน ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ครูไอซีทีแนะนำการใช้เทคโนโลยีให้เพื่อนครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ
2.ขั้นจัดเตรียมข้อมูล (Provide Resources) เป็น การให้แหล่งข้อมูลที่จำเป็นสำหรับทำภารกิจให้สำเร็จทั้งแหล่งข้อมูลบนเครือ ข่ายอินเทอร์เน็ตและที่ครูจัดเตรียมประกอบไว้เพิ่มเติม และแหล่งข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาแก้ปัญหาและหาคำตอบได้ ครูผู้สอนสร้างเครือข่ายการเรียนรู้บนเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมกับหน่วยการเรียนรู้
3.ขั้นกระบวนการ (Process) เป็น ขั้นการวางแผน กระบวนการและกิจกรรมเพื่อให้บรรลุภารกิจที่วางไว้ มีกิจกรรมที่นำไปสู่ความคิดขั้นวิเคราะห์ ขั้นสังเคราะห์ และขั้นประเมินผล เป็นกิจกรรมที่จะเน้นการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) ครูออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง ใช้คำถามกำหนดกรอบการเรียนรู้ (Intel Teach) มาใช้ในกิจกรรมการเรียนรู้ ครูและนักเรียนใช้เครื่องมือบนเว็บ 2.0 ในการทำกิจกรรมร่วมกัน
4.ขั้นสรุป (Conclusion) เป็น ขั้นให้นักเรียนทำการสรุปความคิดรวบยอดที่นักเรียนหรือกลุ่มของนักเรียนได้ ร่วมกันแสวงหาความรู้ หาคำตอบ และสร้างองค์ความรู้ขึ้นมา ใช้เครื่องอภิปรายบนเว็บ 2.0 ทำกิจกรรมร่วมกัน
5.ขั้นประเมินผล (Evaluation) ในขั้นนี้ครูและนักเรียนร่วมกันกำหนดเกณฑ์การประเมิน (Evaluation Rubrics) เป็นขั้นการประเมินว่านักเรียนสามารถหาคำตอบและบรรลุวัตถุประสงค์ ที่ตั้งไว้เพียงใด จะเน้นการวัดผลอย่างแท้จริง (Authentic Assessment) ในรูปของการประเมินเชิงมิติ (Rubrics) ที่ มีการวางเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ชัดเจน บางโครงงานครูผู้สอนคอมพิวเตอร์ประเมินการใช้เครื่องมือ ครูภาษาไทยประเมินการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ครูประจำวิชาประเมินเนื้อหาของโครงงาน
การใช้เทคโนโลยี Web 2.0 เป็น ส่วนหนึ่งของการปรับทักษะพื้นฐานด้านเทคโนโลยีนักเรียนเข้าใหม่ ม.1 และ ม.4 ไม่ได้ใช้เป็นหลักสูตรในการเรียนการสอน เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือช่วยครูสอน แต่ไม่ได้เป็น ครูแทนคน
3. การจัดการ(Management)
3.1 บทบาทของผู้สอนในศตวรรษที่ 21
- ผู้สอนต้องเป็นผู้ดูแลและอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียน
- ต้องมีความยืดหยุ่น
- ต้องมีการเคลื่อนไปข้างหน้าตลอด อย่าหยุดอยู่กับที่
- มีความรู้ในเนื้อหาสาระที่สอนอย่างลึกซึ้ง
3.1 บทบาทของผู้สอนในศตวรรษที่ 21
- ผู้สอนต้องเป็นผู้ดูแลและอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียน
- ต้องมีความยืดหยุ่น
- ต้องมีการเคลื่อนไปข้างหน้าตลอด อย่าหยุดอยู่กับที่
- มีความรู้ในเนื้อหาสาระที่สอนอย่างลึกซึ้ง
-
มีความรู้และเชี่ยวชาญในการสอน
-
สามารถพัฒนาหลักสูตรได้,
-
วางแผนการสอนและแบบเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
-
มีการคิดค้น ดำเนินการสอนที่ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้
-
ให้นักเรียนเรียนรู้จากการสืบเสาะหาความรู้
-
ช่วยให้นักเรียนเข้าใจธรรมชาติของวิทย์ คณิต และเทคโนโลยี
- เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาเจตคติทักษะต่าง
ๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้ที่ยั่งยืน
3.2 ลักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
- เป็นนักคิดวิเคราะห์
3.2 ลักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
- เป็นนักคิดวิเคราะห์
- เป็นนักแก้ปัญหา
- เป็นนักสร้างสรรค์
- เป็นนักสร้างสรรค์
- เป็นนักประสานความร่วมมือ
- รู้จักใช้ข้อมูลและข่าวสาร
- เป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง
- เป็นนักสื่อสาร
ครูพูดน้อยและเด็กพูดมาก
- ตระหนัก รับรู้สภาวะของโลก
- เป็นพลเมืองทรงคุณค่า
- มีพื้นฐานความรู้เศรษฐกิจและการคลัง
สรุป การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นสื่อกลางในการเรียนการสอน โดยเน้นที่ผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการออกแบบ
เครื่องมือและการจัดการในรูปแบบใหม่
ลักษณะการสอนเน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง ความรู้เกิดจากการลงมือกระทำ ผู้สอนสอนแบบบรรยายน้อยลง ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง
การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 นี้ มีแนวโน้มที่ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ได้มากยิ่งขึ้น เพราะได้มีการปรับปรุงในหลายๆด้าน เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้เรียน หากแต่ การที่จะพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยให้ไปในทางที่ดีขึ้น ต้องอยู่ในพื้นฐานของความเหมาะสม ถ้ารัฐยังเน้นไปที่การนำเทคโนโลยีใหม่ๆมา แต่ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมทั้งในเรื่องหลักสูตร ปัญหาด้านงบประมาณและบุคลากรอยู่ อีกทั้งปัญหาในตัวเด็กนักเรียน การศึกษาไทยก็ยังคงย่ำอยู่กับที่และถึงแม้จะพัฒนาไปได้ในระดับหนึ่ง แต่เรื่องคุณภาพก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไป
การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 นี้ มีแนวโน้มที่ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ได้มากยิ่งขึ้น เพราะได้มีการปรับปรุงในหลายๆด้าน เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้เรียน หากแต่ การที่จะพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยให้ไปในทางที่ดีขึ้น ต้องอยู่ในพื้นฐานของความเหมาะสม ถ้ารัฐยังเน้นไปที่การนำเทคโนโลยีใหม่ๆมา แต่ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมทั้งในเรื่องหลักสูตร ปัญหาด้านงบประมาณและบุคลากรอยู่ อีกทั้งปัญหาในตัวเด็กนักเรียน การศึกษาไทยก็ยังคงย่ำอยู่กับที่และถึงแม้จะพัฒนาไปได้ในระดับหนึ่ง แต่เรื่องคุณภาพก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไป
เรียบเรียงโดย ปัจฉิมาพร ศรีตาแสง